พยัคฆ์ทักษิณ วัดดอนศาลา ปี 2546 พระปิดตาหลังดอกจันทร์ ใต้ฐานปิดหนังเสือสมิง ประกอบด้วย เนื้อเงินผิวโบราณ , เนื้อนวโลหะพิเศษ , เนื้อสัตตะโลหะพิเศษ , เนื้อตะกั่วลบถม
ลักษณะ พระปิดตาหลังดอกจันทร์จัดสร้างตามเอกลักษณ์ศิลปะพระปิดตาเมืองนครศรีธรรมราช ลักษณะรูปพิมพ์ทรงสวยงามคมชัดบนเศียรประทับไว้ด้วยพระยันต์นอโม ประทับดอกจันทร์ไว้ด้านหลังล้อมรอบด้วยอักขระเลขยันต์ ใต้ฐานบรรจุผงมหาว่านปิดด้วยหนังเสือสมิงจัดสร้างด้วยเนื้อทองคำ เนื้อเงินทำผิวแบบโบราณ เนื้อนวโลหะ เนื้อสัตตะโลหะ ทำผิวแบบโลหะโบราณ และเนื้อตะกั่วลงถม (ตะกั่วลงถมเป็นของพระอาจารย์นำ โดยทำพิธีหลอมตะกั่วเทเป็นแผ่นหนา ลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสก 3 คืน จากนั้นลบยันต์ออกแล้วลงอักขระใหม่ปลุกเสก 3 คืน ทำการลบและถมใหม่ 9 ครั้งจึงสำเร็จ)
หนังเสือสมิงใต้ฐาน หนังเสือที่นำมาปิดใต้ฐานพระ เป็นหนังเสือสมิง คือเสือสมิงลายพาดกลอนตัวใหญ่ ซึ่ง พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมื่อครั้งรับราชการเป็นนายตำรวจ ออกไล่ลาเสือตัวนี้ตามคำร้องทุกข์ของชาวบ้าน เนื่องจากเป็นเสือที่ดุร้ายมาก ท่านขุนพันธ์ฯ จึงได้ออกไล่ล่าเสือหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถจะยิงเสือได้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นเสือสมิงที่ล่องหนหายตัวได้ ตามที่ได้ยินมาจากชาวบ้านแถวนั้นขุนพันธ์ได้ไปปรึกษาขอคำชี้แนะวิชาที่ปราบเสือสมิงตัวนี้ จากพ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน ซึ่งเป็นศิษย์รวมสำนักเขาอ้อในครั้งแต่ก่อน พ่อท่านเอื้อมที่มีวิทยาคมเก่งกล้าของสายสำนักเขาอ้ออยู่เต็มตัว จึงได้แนะนำวิชากระสุนคตให้กับขุนพันธ์ไป ว่ากันว่าตอนขุนพันธ์สามารถยิงเสือตัวนี้ได้มีชาวบ้านมาบอกท่านว่าเสือสมิงหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน จากนั้นท่านขุนพันธ์ก็ไปซุ่มดูลาดเลา โดยไปกับสมัครพรรคพวกไม่กี่คน พอไปถึงเจอเสือสมิงอยู่ท่านก็ใช้วิชากระสุนคต โดยยิงไปด้านตรงข้ามกับที่เสือสมิงหลบซ่อนอยู่ ผลปรากฏว่ากระสุนกระสุนได้เข้าทะลุร่างเสือตายทันที ซึ่งคนที่ติดตามไปด้วยถึงกับตะลึงไม่เชื่อสายตาตัวเอง จากนั้นท่านขุนพันธ์ก็ได้นำหนังเสือสมิงผืนนี้มอบให้ พระอาจารย์เอียดทำพิธีถอนอาถรรพ์ร้ายและประจุพุทธาคม ให้ด้วย ทั้งพิธี ทั้งมวลสาร และความศักดิ์สิทธิ์มีครบเครื่องอยู่ในพระปิดตาองค์ ไม่ว่าจะเป็ฯด้านมหาอุตร์ ปลอดภัยแคลวคลาดจากภัยตราย เหมาะสำหรับผู้รับราชการด้านบู๊ เช่นตำรวจ ทหาร ตชด. ผู้ที่ศรัทธาทางสายใต้ไม่ต้องพูดกับมากรู้ซึ่งถึงสรรพคุณดีส่วนด้านเมตตาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ต่าง
นับเป็นเครื่องรางของขลังชิ้นเอกของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่ทรงคุณค่าและควรมีไว้อย่างยิ่ง

335-0-426xx-x